ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งนี้
เป็นภาวะที่พบได้บ่อยทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูระบบประสาท (neurorehabilitation)
ซึ่งภาวะนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียต่อผู้ป่วย ดังนั้นการรักษาภาวะนี้
แพทย์ผู้ทำการรักษาจำเป็นต้องมีเป้าหมายการรักษาที่แน่นอน ควรประเมินว่าหลังการ รักษาแล้วจะมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยหรือไม่ รวมทั้งประเมิณปัจจัยที่มีผลต่อการรักษาภาวะ กล้ามเนื้อหดเกร็ง และควรลดการเกร็งของกล้ามเนื้อมากน้อยเพียงใด โดยคำนังถึงปัจจัย ที่ควรพิจารณาก่อนการรักษาจึงจะไม่เป็นผลเสียต่อผู้ป่วย |
||||||||||||
![]() |
||||||||||||
![]() |
||||||||||||
ปัจจัยที่มีผลต่อการรักษาภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง(10)
|
||||||||||||
ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนทำการรักษาด้วยการฉีดยาลดเกร็งเฉพาะที่ (9) | ||||||||||||
![]() |
||||||||||||
การรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหดเกร็งด้วยยาฉีดนั้น
จะประสบผลสำเร็จดีหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือ
การเลือกผู้ป่วยและการตั้งเป้าหมายการรักษา ผู้ป่วยที่มีการทำงานของทั้ง antagonist และ agonist muscles เหลืออยู่จึงจะมีการทำงานที่ดีขึ้นได้หลังการรักษา ผู้ป่วยเด็กที่มีสมองพิการ เหมาะที่จะนำมารักษาเมื่ออายุอยู่ในช่วง 2-6 ปี ส่วนผู้ป่วย stroke และ TBI ควรรักษาภายใน 3-12 เดือน ถ้าการรักษาช้าไปกว่าช่วงเวลาดังกล่าว การตั้งเป้าหมายการรักษาควรมุ่งเน้นไปด้าน cosmetic และ hygiene care มากกว่าหวังผลด้าน functional gains(9) |