การวินิจฉัย
1. การตรวจร่างกายและตรวจภายใน หากก้อนมีขนาดใหญ่ก็อาจคลำได้ ทางหน้าท้อง การตรวจภายใน ก็สามารถบอกลักษณะและขนาดของก้อนได้ โดยมักจะ เทียบเป็นขนาดของมดลูกคิดเป็นสัปดาห์ แต่การตรวจร่างกายควรต้องแยกก้อน จากสาเหตุอื่นๆ ด้วย ในกรณีของ Submucous myoma อาจพบก้อนยื่นออกจาก ปากมดลูกได้ 2. การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง9สามารถบ่งบอกลักษณะของก้อนได้ละเอียด ขึ้น ซึ่งทำให้การวินิจฉัยโรคแม่นยำขึ้น โดยอาจช่วยแยกระหว่างก้อนของมดลูกหรือรังไข่ และยังแยกว่ามีการตั้งครรภ์ร่วมด้วยหรือไม่ ลักษณะที่ปรากฏในคลื่นเสียงความถี่สูง ของก้อนเนื้องอกนี้ ขึ้นกับความหนาแน่นในการเรียงตัว ลักษณะของการเสื่อมที่พบร่วม หรือการมีหินปูนมากจะโดยทั่วไปในคลื่นเสียงความถี่สูงมักจะพบว่ามดลูกโต ส่วนก้อนเนื้องอกมักจะเห็นขอบเขตชัดเจน และเป็น Hypo echoic lesion (ดังภาพ) ในบางครั้งผู้ป่วยที่ผนังหน้าท้องหนา การตรวจคลื่นเสียง ความถี่สูงทางช่องคลอด ก็ช่วยให้เห็นได้ชัดเจนขึ้นได้ 3. การขูดมดลูกในรายที่เป็น Submucous myoma จะพบลักษณะของโพรงมดลูก ขุรขระหรือพบก้อนในโพรงมดลูก 4. CT Scan ได้ประโยชน์น้อยในกรณีของเนื้องอกมดลูก การตรวจคลื่นเสียง ความถี่สูง พบว่าได้ประโยชน์มากกว่า และราคาถูกกว่า6 5. Magnetic Resonance Imaging (MRI)9 ให้ข้อมูลที่แม่นยำและเที่ยงตรงมาก สามารถบอกตำแหน่งของก้อน และอาจช่วยแยกลักษณะของก้อนจาก Adenomyoma ได้แต่ยังไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากมีราคาแพงมาก 6. Diagnostic hysteroscopy มักได้ประโยชน์ในรายนี้เป็น submucous myoma มีความแม่นยำในการวินิจฉัย และยังใช้ในการรักษาได้อีกด้วย (ดังภาพ) ![]()
|