ระบบหมุนเวียนเลือดของทารกในครรภ์
ทารกในครรภ์ได้รับสารอาหารและออกซิเจนผ่านทาง
Umbilical vein ที่มาจากรก
Umbilical vein เข้าสู่ทารกทาง Umbilical ring ผ่านไปตามผนังหน้าท้องไปยังตับ
จากนั้น
จะแบ่งแขนงออกเป็น Portal sinus และ Ductus venosus Portal sinus
เข้าสู่ Hepatic
vein บริเวณ Lobe ข้างซ้ายของตับ ส่วนแขนงใหญ่ของ Umbilical
vein คือ Ductus
venosus จะนำเลือดผ่านตับเข้าสู่ Inferior vena cava
(IVC) โดยตรงจากนั้นจึงเข้าสู่
หัวใจทารก เลือด ใน IVC จึงเป็นเลือดผสมระหว่างเลือดแดงที่มีปริมาณออกซิเจนสูงจาก
Ductus venosus กับเลือดที่มีออกซิเจนต่ำจากหลอดเลือดดำใต้ระดับกระบังลม
เลือดผสมที่เข้าสู่หัวใจของ IVC จึงมีความเข้มข้นของออกซิเจนต่ำกว่า
Umbilical vein
แต่ยังมากกว่าเลือดที่มาจาก Superior vena cava (SVC) เลือดจาก
IVC จะเข้าสู่
หัวใจห้อง Atrium ขวาผ่านรูเปิด Foramen ovale เข้าสู่ Atrium ซ้าย
ส่วนเลือดจาก SVC
ส่วนมากจะไหลลงสู่ Ventricle ขวา การที่เลือดจาก
IVC ไหลผ่าน Foramen ovale
เข้าสู่ Atrium ซ้ายโดยไม่ต้องผ่าน Ventricle ขวา และ
Pulmonary circulation
เหมือนในระยะหลังคลอดทำให้สามารถส่งเลือดที่มีออกซิเจนสูงเข้าสู่
Ventricle ซ้าย
ส่งไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญคือหัวใจและสมอง ส่วนเลือดจาก SVC ที่เป็นเลือดดำไหลลงสู่
Ventricle ขวา ไปยัง Pulmonary trunk ผ่าน Shunt คือ
Ductus arteriosus เข้าสู่
Descending aorta มีเพียงน้อยกว่าหนึ่งในสามหรือประมาณร้อยละ 10
ของเลือด
ทั้งหมดที่ผ่านปอด เนื่องจากก่อนคลอดปอดยังไม่ขยายตัว ความต้านทานในหลอดเลือด
Pulmonary จึงสูงกว่าความต้านทานที่ Ductus arteriosus
และ หลอดเลือดอื่นๆ
ของร่างกาย เลือดส่วนใหญ่จึงไหลผ่าน Ductus arteriosus
เพื่อชดเชยปริมาณ
ออกซิเจนในเลือดจากหัวใจที่ต่ำลง ปริมาณเลือดที่ถูกสูบฉีดออกจากหัวใจทารกในครรภ์
จะสูงกว่าในผู้ใหญ่สามเท่า อันเป็นผลมาจากอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้น
และความต้านทานของหลอดเลือดส่วนปลายที่ต่ำลง
จากการทดลองฉีดสาร
Plastic microspheres เคลือบสารรังสีเข้าเส้นเลือด
ในลูกแกะในครรภ์ ระยะไตรมาสที่สาม พบว่าเลือดจากหัวใจส่วนใหญ่ไปสู่รก(ร้อยละ
40)
ที่เหลือไปยังสมอง (ร้อยละ 5), หัวใจ (ร้อยละ 5), ทางเดินอาหาร (ร้อยละ
5) ปอด
(ร้อยละ 4) ตับ , ไต และม้าม (อย่างละร้อยละ 2) และร่างกายส่วนอื่นๆ
ร้อยละ 35 (17)
เลือดกลับไปยังรกผ่านทางเส้นเลือดแดง
Hypogastric arteries 2 เส้น และให้
แขนงส่วนปลายเป็น Umbilical arteries ก่อนเข้าสู่รก
ภายหลังคลอดความต้านทานในหลอดเลือด
Pulmonary ที่ลดลงจากการ
ขยายตัวของปอดร่วมกับการผูกและตัดสายสะดือ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบ
หมุนเวียนเลือดอย่างมาก กล่าวคือ หลอดเลือดที่สะดือ, Ductus arteriosus,
Foramen
ovale และ Ductus venosus จะตีบตันไป ความแตกต่างของความดันระหว่าง
Pulmonary artery และ Aorta ร่วมกับ Oxygen
tension ของเลือดที่ไหลผ่าน
Ductus arteriosus (PO2 มากกว่า 55 มม.ปรอท)
ทำให้เลือดที่ไหลผ่าน Ductus
arteriosus ลดลงหรือหยุด เข้าใจว่าเป็นผลจากการทำงานของ Prostaglandin
ต่อ
Ductus โดยพบว่า Prostaglandin E2 ทำให้ Ductus arteriosus
เปิดจึงสำคัญต่อ
การคงอยู่ของ Ductus arteriosus ในครรภ์ ถ้าให้
Prostaglandin synthase
inhibitors แก่มารดาก่อนคลอดอาจมีผลเสียทำให้ Ductus arteriosus
ปิดก่อนกำหนด
ในผู้ป่วยโรค Patent ductus arteriosus (PDA) การให้ Inhibitors หลังคลอดจะช่วย
รักษา PDA ให้ปิดได้
การทำงานของ
Ductus arteriosus หยุดประมาณ 10-96 ชั่วโมงหลังคลอดแต่
Anatomical closure จะเกิดเมื่อ 2-3 สัปดาห์หลังคลอด(18)
ส่วน Foramen ovale
ปิดเองหลังคลอดเพียงไม่กี่นาที แต่ Anatomical closure จะเกิดสมบูรณ์หนึ่งปี
หลังคลอด
Umbilical arteries
ตีบตันไป 3-4 วันหลังคลอดกลายเป็น Umbilical ligament
ส่วน Umbilical vein กลายเป็น Ligamentum teres, Ductus venosus ตีบและ
กลายเป็น Ligamentum venosum |