ระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine
glands)
Anterior Pituitary gland
Mulchahey
และคณะ (พ.ศ.2530)(53) เสนอทฤษฎีขบวนการเกิด Pituitary
gland ของทารกในครรภ์ที่คัดค้านกับความเชื่อดั้งเดิมดังนี้
1. ไม่เชื่อว่าการทำงานของ
Anterior pituitary gland ขึ้นกับความพร้อมของระบบ
ประสาทส่วนกลาง
2. พบว่าระบบต่อมไร้ท่อของทารกในครรภ์
เริ่มทำงานได้ก่อนระบบประสาท
ส่วนกลาง
3. ระบบต่อมไร้ท่อในทารกในครรภ์ไม่เหมือนกับในผู้ใหญ่
และอาจเป็นระบบ
ควบคุมประสานงาน (Homeostatic system ) อันแรกที่พัฒนาขึ้นในทารก
Fetal anterior pituitary พัฒนาเป็นเซลล์
5 ชนิดที่สร้าง Protein hormones ได้ คือ
1. Lactotropes สร้าง
Prolactin (PRL)
2. Somatotropes
สร้าง Growth hormone (GH)
3. Corticotropes
สร้าง Corticotropin (ACTH)
4. Thyrotropes สร้าง
Thyroid-stimulating hormone (TSH)
5. Gonadotropes สร้าง
Luteinizing hormone (LH) และ
Follicle-stimulating hormone (FSH)
ACTH เริ่มพบใน
Fetal pituitary gland เมื่อ 7 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ และก่อน
ปลายสัปดาห์ที่ 17 Pituitary gland ของทารกสามารถสร้างและเก็บ Pituitary
hormones ได้ทุกชนิด(54)
พบ Growth hormone
(GH) ในเลือดจากสายสะดือทารกปริมาณมาก แต่บทบาท
ของ GH ต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาของทารกในครรภ์ยังไม่ชัดเจน
เนื่องจาก
ในทารกที่เป็น Anencephaly ที่มีขนาด Pituitary gland
เล็กก็มีขนาดและน้ำหนัก
ไม่แตกต่างจากทารกในครรภ์ทั่วไป
Neurohypophysis
Neurohypophysis ของทารกในครรภ์พัฒนาเมื่อ 10-12
สัปดาห์ของอายุครรภ์ โดยสามารถหลั่ง Oxytocin และ Arginine
vasopressin(AVP)
Arginine vasotocin (AVT) เป็น Neurohypophyseal hormones
ของสัตว์มีกระดูก
สันหลังที่ถัดลงไปจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จากการทดลองพบว่า AVT ช่วยในการ
นอนหลับและหลั่ง Prolactin ในคนจะพบ AVT เฉพาะช่วงทารกในครรภ์เท่านั้น(55)
การทำงานของ
Oxytocin และ AVP อาจช่วยเก็บน้ำไว้ในร่างกายทารกในครรภ์
แต่พบว่ามีผลต่อปอดและรกมากกว่าไต PGE2 ที่สร้างจากไตอาจยับยั้งการทำงานของ
AVP ระดับ AVP ในพลาสมาของทารกในครรภ์ จะเพิ่มขึ้นมากกว่าในมารดาและสัมพันธ์
กับความเครียดของทารก(1)
Fetal intermediate pituitary gland
ในทารกในครรภ์พบ
Intermediate lobe ของ Pituitary gland ซึ่งไม่พบในระยะ
หลังคลอด สารสำคัญที่หลั่งจากส่วนนี้คือ a-melanocyte
- stimulating hormone
(a-MSH) และ b-endorphin
โดยพบว่าระดับ a-MSH ลดลงตามอายุครรภ์
Thyroid
ระบบประสานงาน
Pituitary-thyroid เริ่มทำงานในปลายไตรมาสแรก
(ตารางที่ 3) แต่ในระยะแรก Thyroid stimulating hormone และ Thyroid
hormones ยังมีระดับต่ำ ต่อมา ระดับจะสูงขึ้นในตอนกลางของการตั้งครรภ์(56)
Thyrotropin
จากมารดาผ่านรกไปสู่ทารกได้น้อยมาก แต่ Long-acting thyroid
stimulators (LATS) และ LATS protector ที่มีความเข้มข้นสูงจะผ่านไปได้ดีเช่นเดียวกับ
IgG antibodies ต่อ Thyroid -stimulating hormone (TSH) ของมารดาที่ผ่านไปยัง
ทารกได้จนอาจทำให้เข้าใจผิดว่าระดับ TSH ในทารกแรกเกิดสูง(57)
รกจะรักษาระดับ
Iodide ด้านทารกในครรภ์ให้มีปริมาณสูง และต่อมธัยรอยด์
ของทารก ก็จับกับ Iodide ได้ดีกว่าในมารดา ดังนั้นการให้สารกัมมันตภาพรังสี
Radioiodide หรือ Iodide แก่มารดาขณะตั้งครรภ์อาจเป็นอันตรายต่อทารก
Thyroid hormone
จากมารดาผ่านรกได้น้อยมาก Triodo-thyronine ผ่านรก
ได้ดีกว่า Thyroxine Thyroid hormones มีบทบาทต่อทารกในครรภ์น้อยมาก
เนื่องจาก
ทารกในครรภ์ที่ไม่มีต่อมธัยรอยด์ก็เจริญเติบโตได้ปกติ และเนื้อเยื่อของทารกบางชนิด
เท่านั้นที่สามารถตอบสนองต่อ Thyroid hormone (เช่น สมอง และปอด)
หลังคลอดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานและ
Metabolism ของต่อมธัยรอยด์
อย่างมากสภาพอากาศที่เย็นกระตุ้นให้เกิดการหลั่งของ Thyrotropin จำนวนมากทำให้
ระดับของ Thyroxine และ Triiodo-thyronine ในเลือดเพิ่มสูงสุด 24-36
ซม.
หลังคลอด(1)
ตารางที่
3 ระยะของ Thyroid maturation ในทารกในครรภ์ และแรกเกิด
Adrenal gland
สัดส่วนขนาดของ
Adrenal gland ของทารกในครรภ์เทียบกับขนาดร่างกายทารก
จะใหญ่มากเมื่อเทียบกับสัดส่วนในผู้ใหญ่ เกิดจาก Fetal zone ขนาดใหญ่ใน
Adrenal
gland ของทารกในครรภ์ซึ่ง Zone นี้จะหายไปหลังคลอด ในทารกในครรภ์ที่ไม่มี
Pituitary gland Fetal zone จะมีขนาดเล็กมากหรือไม่มี
Fetal adrenal
cortex เป็นแหล่งสำคัญของ Placental estrogen precursors
คือ Dehydroepiandrosterone sulfate (DHEA-S) ในครรภ์ใกล้ครบกำหนดประมาณ
ร้อยละ 50 ของ Estradiol -17 b ที่สร้างจากรกมาจาก
DHEA-S ของมารดา อีก
ร้อยละ 50 มาจากทารก ส่วน Estriol ที่สร้างจากรกเกือบทั้งหมดมาจากสารตั้งต้น
16-a-hydroxy -C19-steroids ในพลาสมา โดยเฉพาะ
16 a-hydroxydehydroepiandrosteronesulfate
ซึ่งถูกสร้างขึ้นในตับของทารก |