ในปี พ.ศ. 2524 องค์การอนามัยโลก (World Health Organization, WHO)
ได้ให้นิยาม
ของวัยหมดระดู โดยหมายถึงวัยที่สตรีเข้าสู่ระยะสิ้นสุดการมีระดูอย่างถาวร
เนื่องจากรังไข่หยุด
ทำงาน(1)
วัยหมดระดูเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา ซึ่งเป็น
ไปตามธรรมชาติจากสตรีในวัยเจริญพันธุ์เข้าสู่วัย
ซึ่งรังไข่หมดความสามารถในการเจริญพันธุ์
และสร้างฮอร์โมนเพศลดลง
เรื่องของวัยหมดระดู
เป็นที่ได้รับความสนใจในปัจจุบัน
เนื่องจากมีจำนวนสตรีที่เข้าสู่
วัยหมดระดูมากขึ้น
ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอายุขัยของประชากรทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น(2)
ในประเทศไทย อายุขัยเฉลี่ยของประชากรสตรีเพิ่มจาก
68.05 ปี ในปี พ.ศ. 2523-2528 เป็น
71.80 ปี ในปี พ.ศ. 2538-2543(3)อย่างไรก็ตาม
เมื่อพิจารณาถึงอายุเฉลี่ยที่สตรีเข้าสู่วัยหมด
ระดูตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พบว่าค่อนข้างคงที่
จึงมีแนวโน้มที่สตรีจะต้องใช้ชีวิตในช่วงของ วัยหมดระดูที่ยาวนานขึ้น (รูปที่
1) (4)
รูปที่
1 กราฟแสดงอายุขัยเฉลี่ยของประชากรที่เพิ่มขึ้น เปรียบเทียบกับอายุของการหมดระดู
ที่คงที่ ทำให้สตรีมีแนวโน้มที่จะใช้ชีวิตในช่วงของวัยหมดระดูที่ยาวนานขึ้น
(4)
นอกจากปัจจัยทางด้านอายุขัยที่เพิ่มขึ้นแล้ว
วิถีชีวิตของผู้คนที่แปรเปลี่ยนไปจากสังคม
ชนบทเป็นสังคมเมือง มีการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการบริโภค
เพิ่มการใช้เทคโนโลยีลดการ
ใช้แรงกาย มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพมากขึ้น เช่น
สูบบุหรี่ ดื่มสุรา และมีแนวโน้มที่จะเกิดโรค
ที่ไม่ติดต่อ (noncommunicable diseases) เช่น เบาหวาน
ไทรอยด์ โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง มากขึ้น ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพในช่วงวัยหมดระดู
เช่นกัน(3)
การเปลี่ยนแปลงในวัยหมดระดู
ถือเป็นกระบวนการทางสรีรวิทยาของร่างกาย ส่วนใหญ่
ดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป
อย่างไรก็ตามปรากฎการณ์ของการเปลี่ยนแปลง ในวัยหมดระดูมี
ความหลากหลาย พบได้ตั้งแต่สตรีที่เข้าสู่วัยนี้อย่างราบรื่น
ไม่พบปัญหาใดๆ หรือพบปัญหาน้อย
จนถึงสตรีที่มีการเปลี่ยนแปลงในทางเสื่อมถอยที่รวดเร็วและรุนแรง
ซึ่งมีผลกระทบทางร่างกาย
และจิตใจ ต้องการการดูแลรักษา ทั้งนี้อาจเนื่องจากความแตกต่างในพื้นฐานทางพันธุกรรม
วิถี
การดำเนินชีวิต การมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
มีปัจจัยเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อม ซึ่งแตกต่างกันไป
ตามภูมิภาคและชุมชน รวมทั้งความแตกต่างในวัฒนธรรม
การรับรู้และทัศนคติต่อปัญหา
สุขภาพและวัยหมดระดู(5)
ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของแพทย์
และบุคลากรทางสาธารณสุข ในการให้การศึกษาและความรู้
เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในวัยหมดระด ูและค้นหากลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงเพื่อให้การป้องกัน
และดูแลรักษาแต่เนิ่นๆ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะให้สตรีมีคุณภาพชีวิตที่ดีในวัยหมดระดู
สามารถ
พึ่งพาตนเองได้ ไม่อยู่ในภาวะทุพพลภาพ และป้องกันการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
(premature
death)
|