MHC molecule
มีความหลายหลายมากในแต่ละ species โดยกลไกของ Gene polymorphism นั่นคือการมีรูปแบบของยีนหลายชนิด
(multiple alleles) บนยีนตำแหน่ง (locus) หนึ่งๆ โดยแต่ละ allele จะมี DNA
sequence ที่ต่างกัน ซึ่งก็จะแสดงออกมาเป็นโมเลกุลที่มีลักษณะต่างกัน ความแตกต่างของ
amino acid ระหว่าง allele อาจมีได้มากถึง 20 ตัว เป็นที่น่าสังเกตว่าความแตกต่างนี้
จะเกาะกลุ่มกันในบริเวณ peptide-binding region ซึ่งเป็น functional site
ของ HLA molecule เป็นส่วนใหญ่ จำนวน alleles ในแต่ละ locus มีจำนวนแตกต่างกัน
บาง locus มีจำนวน allele มากกว่า 200 alleles วิธีตรวจสอบ allele ที่ต่างกันของ
HLA molecule นั้น สามารถตรวจได้โดยใช้ Antibody ซึ่งอาจได้มาจากหญิงที่เคยตั้งครรภ์แล้วหลายๆ
ครั้ง ซึ่งจะมี Antibody ต่อ HLA ของบุตร หรือใช้ monoclonal antibody ต่อ
HLA molecule แต่ละชนิด นอกจากนี้ ยังอาจตรวจได้โดยวิธี mixed lymphocyte
reaction สำหรับ HLA class II molecule แต่ในปัจจุบันนี้ สามารถตรวจความแตกต่างในระดับ
DNA แทน
ระบบการเรียกชื่อ
HLA ในอดีต ประกอบด้วย "ชื่อ locus" ตามด้วย "หมายเลข" ได้แก่ HLA-A1, HLA-A2
, HLA-DR1 เป็นต้น โดยตัวเลขจะบ่งถึงลำดับการค้นพบ HLA ชนิดนั้นๆ ส่วนใหญ่เป็นการค้นพบโดยใช้
Antibody (Serological defined) ข้อจำกัดของวิธีนี้คือ Antibody มีความจำเพาะจำกัด
และไม่สามารถแยก HLA ทุก allele ได้ เมื่อการตรวจสอบทาง DNA ซึ่งเป็นการตรวจ
HLA gene เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ระบบการเรียกชื่อของ HLA จึงเปลี่ยนเป็น "ชื่อ
locus" ตามด้วย "เครื่องหมายดอกจัน" และ "ตัวเลข"โดยที่ตัวเลข 2 ตัวแรก มักจะตรงกับตัวเลขเดิม
จากการตรวจทาง Serology ยกตัวอย่างเช่น HLA-A*0101 หรือ HLA-A*0102 เป็น
alleles ที่จะถูกบ่งชี้ว่าเป็น HLA-A1 molecule ด้วยวิธีทาง serology ส่วนตัวเลขหลักที่
3 และ 4 บ่งถึงลำดับที่ allele นั้นถูกค้นพบ ในบางกรณี จะมีตัวเลขลำดับที่
5 เพื่อใช้บ่งถึงการเปลี่ยนแปลงของ nucleotide ที่ไม่ทำให้ amino acid เปลี่ยนแปลง
(silent change) เช่น DQA1* 05011 และ DQA1 *05012 ที่มีลักษณะโครงสร้างโปรตีน
เหมือนกันทุกประการ แต่มีความแตกต่างกันที่ระดับ nucleotide 1 ตำแหน่ง (ดูตัวอย่างรายชื่อของ
HLA alleles ในตารางที่ 1) จากการศึกษาการแสดงออกของ allele ต่างๆ ในประชากร
ทำให้พบลักษณะสำคัญอีกประการหนึ่งของ HLA gene นั่นคือ allele บางตัวของ
locus หนึ่ง มีแนวโน้มที่จะพบร่วมกับ allele บางตัว ของอีก locus หนึ่ง มากกว่าที่ควรจะเป็น
โดยลักษณะนี้มีชื่อเรียกว่า "linkage disequilibrium"
|