Leukemia and Lymphoma of B cell origin
กลุ่มโรคมะเร็งที่สำคัญของระบบภูมิคุ้มกันอีกประเภทหนึ่งคือโรค leukemia และ lymphoma Leukemia เกิดจากการเพิ่มจำนวนอย่างผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือดขาว โดยจะพบเซลล์มะเร็งที่มากผิดปกตินี้ได้ ในกระแสเลือด, ระบบน้ำเหลือง, หรือในไขกระดูก ในขณะที่ lymphoma เป็นมะเร็งที่มีลักษณะเป็นก้อน ( Solid tumor) ภายในอวัยวะน้ำเหลืองต่างๆ เช่น ต่อมน้ำเหลือง ไขกระดูก หรือต่อม thymus มะเร็งทั้งสองประเภท เกิดขึ้นได้จากความผิดปกติของเซลล์ ในทุกระยะของการพัฒนาการของ lymphocyte เราสามารถแบ่งกลุ่มโรคนี้เป็นสอง ชนิดใหญ่ๆ ได้เป็น "Precursor B cell neoplasm" และ "Peripheral B cell neoplasm" โดยพบว่ามีลักษณะของเซลล์ที่ผิดปกติ รวมทั้งอาการที่แสดงออก ต่างกันไป การวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งชนิดใด อาศัยการตรวจด้านพยาธิวิทยา การตรวจโมเลกุลเฉพาะบนพื้นผิวเซลล์ (cell surface marker) และการตรวจความผิดปกติในระดับยีน (Cytogenetic) ร่วมด้วย ตัวอย่างของโรค leukemia และ lymphoma ของ B cell ได้แก่
Precursor B cell neoplasm
Acute lymphoblastic leukemia (ALL) เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในเด็ก สามารถแบ่งได้เป็น 3 ชนิด คือ Pre-B ALL, T-ALL และ B-ALL พบว่า Pre-B ALL เป็น ALL ชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด การวินิจฉัย อาศัยการตรวจโมเลกุลที่แสดงออกเฉพาะใน Pre-B cell เท่านั้น การสะสมของเซลล์มะเร็งในไขกระดูก ทำให้ผู้ป่วยแสดงอาการของไขกระดูกถูกกด ได้แก่ ซีด เลือดออกง่าย และ อาการติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ยังอาจมีเซลล์มะเร็งไปสะสมยังต่อมน้ำเหลือง ตับ ม้าม ผิวหนัง และระบบประสาทส่วนกลางได้ การตรวจทาง Cytogenetic พบว่า ALL เกิดจากความผิดปกติของ chromosome translocation ได้หลายชนิด
Peripheral B cell neoplasm
Hairy cell leukemia เป็นโรคมะเร็งของ B cell ชนิดหนึ่ง พบได้น้อย มักพบในผู้ชายอายุมากกว่า 40 ปี เซลล์มะเร็งเป็น B cell ขนาดใหญ่ มีลักษณะเฉพาะ บางครั้งเรียกว่า Hairy cell พบได้ในม้าม และกระแสเลือด ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วยอาการม้ามโต เซลล์ในกระแสเลือด มีจำนวนต่ำ (cytopenia) ทำให้มีอาการติดเชื้อได้ง่ายได้อีกด้วย
Chronic lymphocytic leukemia (CLL) B cell CLL เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในกลุ่ม CLL ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอายุมาก และมักไม่มีอาการ แต่จะพบว่ามีเซลล์มะเร็งในกระแสเลือดเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบใน lymphoid organ และไขกระดูกด้วย B cell CLL มักจะเป็นมะเร็ง ของ B cell ระยะที่มี surface IgM และ IgD อยู่บนผิวเซลล์ ต่อมาผู้ป่วยอาจเกิดอาการของไขกระดูกถูกกดได้ และจะทำให้เกิดภาวะ hypogammaglobulinemia บางครั้งอาจมีภาวะ Autoimmune ร่วมด้วย ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของ hemolytic anemia หรือ thrombocytopenia ที่พบในผู้ป่วย
Burkitt's Lymphoma เป็นมะเร็งที่พบในเด็กผู้ชาย : ผู้หญิง = 3:1 มีอาการสำคัญๆ สอง ชนิด นั่นคือ "Nonendemic หรือ American form" ซึ่งมักมีอาการทางช่องท้อง ส่วน "Endemic หรือ Africa form" มักจะมีอาการทางขากรรไกร มะเร็งทั้งสองแบบนี้ ยังสามารถกระจายไปยังไขกระดูก ต่อมน้ำเหลืองส่วนปลาย และ ระบบประสาทส่วนกลางได้ โรคนี้ยังพบว่ามีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัส Epstein-Barr (EBV) ด้วย โดยเฉพาะในแบบ Africa form กลไกการเกิดโรคนี้ เชื่อว่าเกิดจากการแบ่งตัวอย่างผิดปกติของ immature lymphoid precursor และไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้ จนเกิดการสะสมของเซลล์มะเร็งนี้ในอวัยวะต่างๆ เซลล์มะเร็งชนิดนี้มีลักษณะเป็น monoclonal ส่วนใหญ่พบ hypergammaglobulinemia แต่ก็พบ hypogammaglobulinemia ได้ด้วย ความผิดปกติของยีนที่พบได้บ่อยคือ มี translocations ที่ 8q24 ทำให้เกิด rearrangement ของ c-myc oncogene เข้ากับยีน immunoglobulin
Diffuse Large B cell Lymphoma ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วยอาการต่อมน้ำเหลืองโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เซลล์มะเร็งเป็นเซลล์ขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็น mature B cell ความผิดปกติของยีนที่พบ มีความเกี่ยวข้องกับ bcl-2 และ bcl-6 oncogene
Follicular Center Lymphoma เป็นมะเร็งที่พบในผู้ใหญ่เป็นส่วนใหญ่ โรคมักจะกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองหลายๆ ตำแหน่ง เซลล์มะเร็งมีลักษณะของ mature B cell มักเกิดจาก rearrangement ระหว่าง bcl-2 oncogene และ ยีน immunoglobulin heavy chain