การใช้เวชศาสตร์นิวเคลียร์ในการตรวจ upper GI tract
GASTROESOPHAGEAL REFLUX (GER)
           เป็นความผิดปกติของ esophagus และ lower esophageal sphincter ที่สำคัญที่สุดในเด็กทารก มักจะพบภาวะนี้ได้ชัดภายในอายุ 2 เดือน ส่วนใหญ่จะหายเองได้ภายใน 1 ปี แต่มีในบางรายที่เป็นไปจนโต จาก study ของ Carre ( 8 ) พบว่า ผู้ป่วย 60% จะหายภายในอายุ 18 เดือนแต่ 30% ยังมีอาการอยู่จนกระทั่งอายุ 4 ปีเป็นอย่างต่ำ ซึ่งถ้าไม่รักษาจะเกิด complication ตามมาได้ประมาณ 10% พบว่าเด็กที่มี GER อาจมาพบแพทย์
ด้วยการไม่เจริญเติบโต (failure to thrive) ซึ่งเกิดจากการอาเจียนบ่อยๆ, esophagitis และ esophageal stricture ส่วน anemia เกิดจาก chronic blood loss นอกจากนี้อาจมาด้วย recurrent respiratory infection, asthma, sudden infant-death syndrome ( 9,10,11 ) ดังนั้นเด็กที่มาด้วยอาการเหล่านี้และหาสาเหตุอื่นไม่ได้ จะต้องทำการตรวจหา GER ด้วย
          ในปัจจุบันมีวิธีการทดสอบหา reflux หลายวิธี ทั้งโดยทางตรงเช่น upper GI study และ 24-hour pH metry และโดยทางอ้อมเช่น manometry, endoscopy และ biopsy ส่วนการดูว่ามี aspiration ร่วมด้วยหรือไม่ อาจใช้ ดูจาก upper GI study หรือหา lipid-laden macrophage ใน tracheal aspirate( 12 ) ซึ่งในแต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน เช่น upper GI study จะทำเพื่อหาความผิดปกติ ทางกายวิภาค ที่เป็นสาเหตุของ GER เช่น hiatal hernia, esophageal stricture, atypical pyloric stenosis, duodenal web, gastric web และใช้ดู severity ของ GER แต่มีข้อจำกัดในด้านความจำเพาะกล่าวคือ ผู้ป่วยที่ไม่มี GER อาจพบว่า upper GI study ให้ผลบวกได้ ( 13,14 ) , และเนื่องจากการตรวจจะเห็นภาพไม่ต่อเนื่องจึงอาจพลาดการวินิจฉัยในบางระยะได้ นอกจากนี้อาหารที่ให้กินเป็น barium จึงถือว่าไม่ physiologic และยังไม่สามารถหา gastric emptying ได้ ( 15 ) ส่วนการทำ 24-hour pH metry ซึ่งเป็นการดูการลดลงของ pH ซึ่งถือเป็นวิธี gold standard นั้นมีข้อเสีย บางอย่างคือ เป็นวิธีการที่ invasive และมักต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อ monitor ( 16 ) , ถ้ามีกรดติดอยู่ที่ probeจากการ reflux เพียงเล็กน้อย และอาจทำให้เข้าใจว่าเป็นการ reflux เป็นระยะเวลานานได้ นอกจากนี้ในเด็กที่กินนมเสร็จใหม่ๆ จะใช้ pH monitoring ไม่ดีเพราะนมจะ buffer ทำให้ pH สูงขึ้น ( 17 ) , ถ้าเป็น reflux สั้นๆ อาจตรวจไม่พบ เพราะจะเก็บข้อมูลทุก 7.5 วินาทีจึงมีการนำเอาวิธีการทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์มาใช้เป็น screeing test ( 18 ) ในเด็ก เพราะมีข้อดีหลายอย่าง เช่น อาหารที่ให้เป็น physiologic, การตรวจทำง่าย ไม่ invasive และ sensitive เพราะสามารถที่จะ monitor ได้ ตลอดเวลาและทำการตรวจได้นาน ( 19 )