ระบบไหลเวียนมีลักษณะทางกายภาพหลายอย่าง
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ ปริมาตร (volume) ความดัน (pressure) และปริมาตรการไหล
(flow) ปริมาตร และความสัมพันธ์ของปริมาตรกับความดัน นับเป็นปัจจัยที่คงที่
(statics) ของระบบไหลเวียน เนื่องจากเป็นตัวกำหนดลักษณะคุณภาพพื้นฐาน
และแบ่งแยกหลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดงออกจากกันตามคุณสมบัติทางด้านหน้าที่
ส่วนความดันและปริมาตรการไหลนั้นเกี่ยวข้องโดยใกล้ชิดกับกับการเคลื่อนที่ของกระแสเลือด
จึงจัดว่าเป็นส่วนที่ไม่คงที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ (เรียกว่า dynamics)
ของระบบไหลเวียน ต่อไปนี้จะกล่าวถึงส่วน statics ของระบบไหลเวียนเป็นส่วนใหญ่
ส่วนที่เป็นเรื่องของ dynamics นั้นจะกล่าวถึงเป็นส่วนน้อย |
ปริมาตรเลือดในร่างกายสัตว์ชั้นสูงส่วนใหญ่จะมีความสัมพันธ์กับน้ำหนักตัว
โดยเฉลี่ยในผู้ใหญ่ จะมีปริมาตรเลือดประมาณ 70-75 ม.ล./ก.ก. (ประมาณเท่ากับ
2.5 ถึง 3.0 ลิตร/ ตร.ม. ของพื้นที่ผิวร่างกาย) ความแตกต่างของปริมาตรเลือดในร่างกายส่วนมากแล้วเกิดจากอายุ
อากาศ และความมากน้อยของการเคลื่อนไหวร่างกาย (physical activity) แรงโน้มถ่วงมีผลมากต่อการกระจายของเลือดในระบบไหลเวียน
การที่คนเราได้รับการกระตุ้นจากแรงโน้มถ่วงของโลกได้เมื่ออยู่ในท่ายืนหรือท่านั่ง
มีผลดีคือช่วยให้มีปริมาตรเลือดเพียงพอได้ตลอดเวลาในส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ทั้งนี้เนื่องจากในภาวะต่างๆ ที่อิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของโลกต่อการกระจายของเลือดในระบบไหลเวียนมีน้อยลง
เช่น การหยุดพักโดยการนอนเฉยๆ เป็นเวลานานๆ เช่นผู้ป่วยหนัก การอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน
หรือการอยู่ในที่ที่มีสภาวะไร้น้ำหนักเช่น บนอวกาศ สามารถทำให้การกระจายปริมาตรเลือดผิดปกติไปได้ |
ร่างกายมีระบบสำรองเลือดที่ดี
ในคนที่มน้ำหนักประมาณ 70 กก จะมีปริมาตรเลือดทั้งหมดประมาณเท่ากับ 5,000
ม.ล. โดยเฉลี่ย โดยเป็นส่วนของเลือดส่วนกลางภายในช่องอกประมาณ 1,250
ม.ล. โดยที่ในหัวใจห้องล่างขวาและหลอดเลือดดำใหญ่ (superior and inferior
vena cavae) ที่รับเลือดจากระบบ เลือดดำของร่างกายจะมีเลือดอยู่ประมาณ
350 มล ดังนั้นในกรณีที่มีความต้องการปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจ (cardiac
output) มากขึ้น จากภาวะต่างๆ ร่างกายยังสามารถดึงเอาเลือดส่วนที่กล่าวถึงนี้มาเสริมเพื่อเพิ่ม
ปริมาตรและความดันในช่องหัวใจล่างขวา (right ventricular filling และ
filling pressure) ที่เหลืออีก 900 มล ของเลือดในช่องอกจะอยู่ที่หลอดเลือด
pulmonary ในระดับต่างๆ ที่ปอด และหัวใจห้องซ้าย ซึ่งเลือดในส่วนนี้พร้อมที่จะเข้าสู่
left ventricle ได้ทันทีเมื่อร่างกายต้องการ ดังนั้นปริมาตรเลือดในช่องอกเป็นแหล่งของเลือดที่จะไปเติมปริมาตรและความดันเลือด
(filling pressure และ filling volume) ในหัวใจห้องล่างซ้าย การที่มีเลือดจำนวนนี้อยู่ในช่องอกและสามารถ
ถ่ายเทสู่เวนตริเคิลได้ทันทีที่ต้องการมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจาก
ventricular filling เป็นสิ่งบ่งชี้ที่สำคัญว่าหัวใจ จะสามารถบีบตัวให้ได้
stroke volume และ cardiac output ที่เพียงพอหรือไม่ นั่นเอง |