1.
การควบคุมโดยธรรมชาติ (Natural Control)
เป็นการปล่อยให้ธรรมชาติเป็นตัวควบคุมแมลงพาหะโดยมนุษย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เช่น อุณหภูมิ ความชื้น
หรือฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้จำนวนแมลงลดลง โรคที่เกิดในแมลง และสัตว์หรือแมลงที่กินแมลง
(predator) |
2.
การควบคุมแมลงโดยมนุษย์เป็นผู้จัดการ (applied control)
การควบคุมโดยวิธีนี้เกิดจากมนุษย์
เช่นการนำสิ่งมีชีวิตอื่นมาควบคุมแมลง
(biological control) การปรับสภาพแวดล้อมเพื่อทำให้ไม่เหมาะสมกับการเจริญของแมลง
(environmental control)หรือการใช้สารเคมีมาควบคุมแมลง (chemical control)
เป็นต้น
2.1
Biological Control เป็นการใช้สิ่งมีชีวิตอื่นมาควบคุมจำนวนแมลง
เช่น
- เชื้อแบคทีเรีย Bacillus thuringiensis (Bt) เชื้อ Bacillus
sphericus (Bs) มาควบคุมแมลง
เชื้อแบคทีเรีย เหล่านี้เป็นเชื้อที่สร้าง spore และในขณะที่มันสร้าง
spore มันจะสร้าง Crystal protein (Cry toxin) ซึ่งมีพิษต่อแมลงขึ้นมา
เมื่อแมลงกินแบคทีเรียเหล่านี้เข้าไปมันก็จะได้รับพิษและตาย แต่ Cry
toxin นี้ไม่มีผลต่อคนและสัตว์อื่น
-
การใช้สิ่งมีชีวิตที่กินแมลงเช่น ปลาหางนกยูง ลูกน้ำของยุงยักษ์และไรน้ำ
(copepod) มากินลูกน้ำยุง
รูปที่ 1 ปลาหางนกยูงนำมาใช้ควบคุมลูกน้ำยุง
|
|
-
การใช้หนอนพยาธิบางชนิดเช่น Romanomermis culicivorax ซึ่งเป็นหนอนพยาธิในลูกน้ำยุงซึ่งระยะตัวอ่อนเจริญอยู่ในลูกน้ำยุงและเมื่อมันเจริญเต็มที่แล้วมันจะไชออกจากลูกน้ำทำให้ลูกน้ำตาย
|
รูปที่ 2 ลูกน้ำยุงที่ติดเชื้อพยาธิ (สังเกตเส้นสีขาวที่ส่วนอก)
|
การควบคุมโดยชีววิธีนี้มีข้อดีคือมีความจำเพาะต่อแมลงเป้าหมายที่ต้องการควบคุมไม่ทำลายแลงที่มีประโยชน์หรือสัตว์ชนิดอื่นๆ
และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยมาก แต่ข้อจำกัดของวิธีการนี้คือ เห็นผลช้าและต้องทำอย่างต่อเนื่องจึงจะได้ผลดี |
2.2
Environmental Control เป็นการจัดการสภาพแวดล้อมเพื่อทำให้แมลงไม่สามารถขยายพันธุ์ได้
เช่นการจัดระบบระบายน้ำไม่ให้มีน้ำขัง การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงในบ้านเช่น
การเปลี่ยนน้ำแจกัน ตุ่มน้ำบ่อยๆการเก็บทำลายแหล่งเพาะนอกบ้านเช่น ยางรถยนต์ที่ไม่ใช้แล้ว
กระป๋องใส่อาหาร ขวดน้ำ รวมทั้งการปิดภาชนะเก็บกักน้ำให้มิดชิดเป็นต้น |
รูปที่ 3 แหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายภายในบ้าน
|
รูปที่ 4 แหล่งเพาะพนธุ์ยุงลายรอบๆ บ้าน
|
2.3
Physical and Mechanical Control เป็นการควบคุมแมลงโดยใช้เครื่องมือกลหรือแสงหรืออุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ต่างๆ
มาใช้ในการควบคุมแมลง เช่น ใช้แสงสว่างมาล่อให้แมลงเข้ามาใกล้เส้นลวดซึ่งมีกระแสไฟฟ้าเมื่อแมลงบินมาใกล้จะถูกไฟดูดตาย
หรือการใช้อุปกรณ์ที่มีเครื่องปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และความร้อนเพื่อล่อให้แมลงบินเข้ามาใกล้แล้วมีพัดลมดูดให้แมลงเข้าไปอยู่ในถุง
จากนั้นจึงนำแมลงไปทำลายเป็นต้น |
2.4
Chemical control เป็นการใช้สารเคมีมาควบคุมแมลงซึ่งสารเคมีที่นำมาใช้สามารถแบ่งเป็น
2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
2.4.1 สารอนินทรีย์ (Inorganic insecticides)
เช่นสารหนู zinc phosphate เป็นต้น ปัจจุบันมีการใช้สารกลุ่มนี้น้อยลง
เนื่องจากความเป็นพิษของมัน
2.4.2 สารอินทรีย์ (Organic insecticides) เป็นสารกำจัดแมลงที่เป็นสารอินทรีย์ซึ่งมีทั้งที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติและที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้นมา
สารกลุ่มนี้สามารถแบ่งเป็น 4 ชนิดคือ
-
Organochlorines เป็นสารสังเคราะห์กลุ่มแรกที่นำมาควบคุมแมลงโดยมีฤทธิ์ขัดขวางการเข้าออกของ
Na+ ที่เซลล์ประสาท สารชนิดแรกที่สังเคราะห์ขึ้นมาคือ DDT ซึ่งมีการสังเคราะห์ขึ้นมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่
2 โดยนำมาใช้ควบคุมเหาลำตัว (body louse) ซึ่งเป็นพาหะนำโรค epidemic
typhus ที่ระบาดมากในทหาร เนื่องจากเหาลำตัวแพร่กระจายโดยการใช้เสื้อผ้าร่วมกันจึงมีการนำ
DDT มากำจัดเหาลำตัวในเสื้อผ้า ต่อมาได้มีการนำมาใช้ควบคุมแมลงวันและยุง
เนื่องจาก DDT มีฤทธิ์ตกค้างนานและสามารถทำลายแมลงได้หลากหลายชนิดจึงมีการนำมาใช้กัน
อย่างกว้างขวาง หลังจากการใช้ DDT ประมาณ 30 ปีมีการพบแมลงที่ดื้อต่อ
DDT นอกจากนี้ยังพบว่า DDT มีการตกค้างอยู่ในพืชและสิ่งมีชีวิตต่างๆในห่วงโซ่อาหารซึ่งคนสามารถรับ
DDT ได้จากการกินอาหารที่มี DDT อยู่ ต่อมา WHO ได้มีนโยบายในการทำลาย
DDT และเลิกการใช้ DDT ทั่วโลก สารกำจัดแมลงในกลุ่มนี้เช่น dieldrin,
lindane และ chlordane เป็นต้น |
-
Organophosphates เป็นสารกำจัดแมลงที่สังเคราะห์ขึ้นมาหลังจากที่มีปัญหาจากการใช้
DDT สารกลุ่มนี้มีฤทธิ์ต่อระบบประสาททุกระบบคือ muscarinic, nicotinic
และ CNS จึงอาจเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า systemic insecticides โดยมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์
acetlycholinesterase ที่ปลายประสาททำให้มีการเพิ่มขึ้นของ acetylchlorine
สารกลุ่มนี้ออกฤทธิ์เร็วและรุนแรงแต่สลายตัวเร็ว สารในกลุ่มนี้เช่น parathion,
malathion และ diazinon เป็นต้น |
-
Carbamates เป็นสารที่ออกฤทธิ์เหมือน organophosphates คือยับยั้งการทำงานของอ็นไซม์
acetlycholinesterase แต่มีฤทธิ์น้อยและสลายตัวเร็วกว่า organophosphates
สารกลุ่มนี้เช่น propoxur, bendicarb และ methomyl
- Pyrethroids เดิมเป็นสารสกัดที่ได้จากดอก pyrethrum และเรียกสารสกัดนี้ว่า
pyrethrin ต่อมาได้มีการสังเคราะห์เลียนแบบ pyrethrin ขึ้นมาเรียกว่า
pyrethroids สารกลุ่มนี้ออกฤทธิ์เช่นเดียวกับสารในกลุ่ม organochlorines
แต่มีฤทธิ์น้อยและสลายตัวเร็วกว่ามากจึงเหมาะสำหรับนำมาใช้ในบ้านเรือน |
รูปที่ 5 ลักษณะของดอก pyrethrum
|
-
สารกลุ่มอื่นๆ เช่นฮอร์โมนควบคุมการเจริญเติบโตของแมลง (insect growth
regulators; IGRs) เช่น juvenile hormone ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการเจริญของแมลงเมื่อนำมาใช้กับแมลงทำให้มันไม่สามารถลอกคราบได้และตายในเวลาต่อมา
สารกลุ่มนี้ที่นำมาใช้ในการควบคุมแมลงตัวแรกคือ methoprene นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากพืชที่มีการนำมาใช้ในการควบคุมแมลงเช่นสะเดา
ยูคาลิปตัส เป็นต้น |
2.5
Genetic control เป็นการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของแมลง ซึ่งสามารถแบ่งเป็น
2 แบบคือ
2.5.1 Sterile release เป็นการทำให้แมลงเป็นหมันแล้วปล่อยแมลงที่เป็นหมันนี้ไปแย่งผสมพันธุ์กับแมลงในธรรมชาติ
วิธีการนี้เหมาะที่จะใช้กับแมลงที่ผสมพันธุ์ครั้งเดียวเช่นยุงตัวเมียจะผสมพันธุ์เพียงครั้งเดียวตลอดชีวิตของมัน
วิธีการนี้มีข้อจำกัดคือพื้นที่ๆจะใช้วิธีนี้ต้องเป็นพื้นที่ๆแยกจากพื้นที่อื่นอย่างชัดเจน
เช่นเกาะหรือที่ๆมีภูเขาล้อมรอบเพื่อป้องกันแมลงจากแหล่งอื่นบินเข้ามา
วิธีนี้ต้องปล่อยแมลงที่เป็นหมันเป็นระยะๆเพื่อลดจำนวนแมลงไปเรื่อยๆ
ดังนั้นจะต้องมีโรงงานที่สามารถผลิตแมลงเป็นหมันได้มากพอซึ่งต้องใช้ทุนสูงและต้องการบุคลากรที่เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสถานการณ์เป็นระยะๆ |
2.5.2
Genetic manipulation of vector เป็นการดัดแปลงพันธุกรรมของแมลงให้แมลงมีความต้านทานต่อเชื้อโรค
ทำให้เชื้อโรคไม่สามารถเจริญในตัวแมลงได้ดังนั้นจึงลดความเป็นพาหะของแมลงลง
เมื่อสร้างแมลงสายพันธุ์ใหม่ที่มีต้านทานต่อเชื้อโรคนี้ขึ้นมาแล้วปล่อยสู่ธรรมชาติ
เพื่อกระจายลักษณะทางพันธุกรรมดังกล่าวจะช่วยลดการกระจายของโรคลงได้ |
รูปที่ 6
ยุงที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมโดยใส่ยีนที่ให้แสงสีเขียวของแมงกะพรุน (สังเกตที่ตายุง)
|
2.6
Integrated control เนื่องจากการควบคุมแมลงแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน
วิธีนี้เป็นการนำหลายๆวิธีมาประกอบกันเพื่อใช้ในการควบคุมโรค ซึ่งการเลือกแต่ละวิธีในการควบคุมแมลงจะต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายประการ
เช่น สถานการณ์ของโรคในขณะนั้น ข้อดีข้อเสีย เงินทุน การยอมรับของคนในชุมชน
เป็นต้น ตัวอย่างเช่นการควบคุมยุงลายซึ่งเป็นยุงที่อาศัยในบ้าน การนำสารกำจัดแมลงไปฉีดพ่นในบ้านอาจเกิดผลเสียต่อผู้อาศัยอยู่และอาจไม่ได้รับความร่วมมือท่าที่ควร
การให้ความรู้แก่คนในชุมชนและการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายจึงเป็นวิธีการที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตามหากเกิดการระบาดของโรคขึ้น การทำลายแหล่งเพาะพันธ์ยุงซึ่งเป็นการกำจัดลูกน้ำยุงจึงไม่ทันการณ์
ดังนั้นอาจจำเป็นต้องเลือกใช้การกำจัดยุงพาหะโดยการฉีดพ่นสารกำจัดแมลงแทนเป็นต้น |