Bone Mineral Density (BMD) Measurement
Methods
Single photon absorptiometry (SPA) 9
SPA ได้รับการพัฒนาต่อมาจากเทคนิค Radiographic absorptiometry และ Radiogrametry ซึ่งใช้หลักการวัดความหนาแน่นของกระดูกระยางค์ เนื่องจากบริเวณที่จะทำการตรวจ จะต้องมีเนื้อเยื่อกระจายอยู่รอบกระดูกเป็นจำนวนน้อยๆ และสม่ำเสมอ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ เทคนิคนี้จึงถูกจำกัดเฉพาะบริเวณปลายแขนและส้นเท้าเท่านั้น
เครื่องมือประกอบด้วยแหล่งกำเนิดรังสีและหัววัดรังสี ซึ่งอยู่ตรงกันข้าม สำหรับแหล่งกำเนิดรังสีใช้ I-125 หรือ Am-241 ลำรังสีที่ผ่านทั้งเนื้อเยื่อรอบๆ และกระดูก จะถูกวัดและผ่านกระบวนการต่างๆ หลังจากนั้น จะนำมาคำนวณทางรังสี (รูปที่ 3)
เมื่อลำรังสี ที่มีความเข้ม Io ผ่านส่วนที่เป็นกระดูก (b:bone) ที่มี mass attenuation coefficient เป็น mb (cm2/g) ความหนาแน่นเท่ากับ rb (g/cm3) ความหนาเท่ากับ Wb(x) (cm) และผ่านส่วนที่เป็นเนื้อเยื่อ (s:soft tissue) ที่มี mass attenuation coefficient เป็น ms (cm2/g) ความหนาแน่นเท่ากับ rs (g/cm3) ความหนาเท่ากับ Ws(x) (cm) ความเข้มของรังสีจะลดลงเหลือดังสมการ
I(x) = Ioe-msrsWs(x)-mbrbWb(x)
ค่าที่ได้จะเป็นความหนาแน่นของกระดูก bone mineral density (BMD) ในหน่วย g/cm2

รูปที่ 3 แสดงหลักการทำงานของ SPA/SXA โดย
ก.บน แสดงวิธีการสแกนต้นแขนในอากาศ ซึ่งแหล่งกำเนิดรังสีและหัวรับรังสีจะเคลื่อนไปด้วยกัน
ก.ล่าง แสดงถึงการดูดกลืนรังสีของการสแกนในภาพ ก.บน
ส่วน ภาพ ข.บนและล่าง แสดงวิธีการสแกนต้นแขนในน้ำ และแสดงถึงการดูดกลืนรังสีของการสแกน ซึ่งการดูดกลืนรังสีในบริเวณน้ำและเนื้อเยื่อจะเท่ากันใช้เป็น baseline ในการแยกส่วนของกระดูกออกจากเนื้อเยื่อ

[back]
ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย