![]() |
Indication |
Contraindication |
อุปกรณ์ |
![]() | - Medicated nebulizer - สาย O2 - mask - drug, NSS - syringe |
Method |
การให้ aerosol ด้วยวิธีนี้ แม้แต่ในผู้ป่วยที่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่จำนวนยาเพียง 9-12 เปอร์เซ็นต์ของยา ที่ใส่ในกระเปาะเท่านั้นที่เข้าสู่ปอด ส่วนใหญ่จะค้างอยู่ในกระเปาะ หรือพ่นออกสู่บรรยากาศภายนอกการให้โดย face mask ควรจับหรือยึดให้ face mask อยู่ชิดกับหน้ามากที่สุด เพราะถ้า facemask ห่างจากใบหน้าเพียง 2 ซม. จำนวน aerosol ของยาที่จะเข้าสู่ปอดจะลดลงไปถึง85 เปอร์เซ็นต์ อนึ่งการใช้อุปกรณ์ nebulizer ควรสังเกตลักษณะ aerosol ที่เกิดขึ้นทุกครั้งบางครั้งกระเปาะยาที่ใช้หลายครั้ง อาจมีการรั่วซึม หรือละอองยาดูขนาดไม่ละเอียดเท่าที่ควร หรืออัตราการพ่นเป็นaerosol ลดลง ต้องเปลี่ยนกระเปาะ ยาใหม่ นอกจากการตรวจกระเปาะยาแล้ว ควรตรวจสภาพของเครื่องพ่นยา หรือ flowmeter เพราะเครื่องมือที่ใช้ เป็น เวลานานอาจชำรุด แรงอัดอากาศลดลง หรืออัตราไหลของแก๊สลดลง ทั้งๆที่หมุนตั้งไว้ที่ตำแหน่งเดิมข้อผิดพลาด เหล่านี้ อาจเป็นผลให้การรักษาไม่ดีเท่าที่ควร แม้ว่าจะให้ยาที่ถูกต้องแล้วก็ตาม |
ข้อดี ของการรักษาโดยใช้สูดฝอยละอองยาโดยผ่านทาง nebulizerได้แก่
1. วิธีใช้ง่าย สะดวก ไม่ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ป่วย สามารถใช้ในผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุตั้งแต่เด็กทารกจนถึงผู้ใหญ่ ใช้ได้ทั้งผู้ป่วย อาการรุนแรงในไอซียู จนกระทั่งถึงการรักษาที่บ้าน
2. สามารถให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องได้ตลอดขณะพ่นยา
3. ส่วนผสมที่เป็นน้ำเกลือจะมีส่วนช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ทางเดินหายใจ ซึ่งจะทำให้ความเหนียวของเสมหะน้อยลงได้
4. สามารถใช้ได้กับผู้ป่วยที่มีท่อหลอดลมคอและไม่หายใจเองโดยต่อกับ resuscitation bag หรือ เครื่องช่วยหายใจ
5. สามารถผสมยา2 ชนิดพร้อมกันได้ในขณะเดียวกัน เช่น salbutamol กับ sodium cromo-glycate เป็นต้น
ข้อเสีย ได้แก่
1. เครื่องมือมีราคาแพง
2. เครื่องพ่นยาหรือแท๊งค์แก๊สมีขนาดใหญ่ขนย้ายไม่สะดวก พกติดตัวไม่ได้
3. ใช้เวลาในการพ่นยาแต่ละครั้งค่อนข้างนานประมาณ5-15 นาที
4. มีโอกาสเกิดcontamination มากกว่าวิธีอื่น โดยเฉพาะถ้าต้องล้างกระเปาะเพื่อนำมาใช้ใหม่หรือต้องผสมน้ำเกลือกับยา
ก่อนพ่นทุกครั้ง
5. ขนาดยาที่ใช้แต่ละครั้งสูงกว่าและราคาแพงกว่าที่ให้โดยวิธีอื่น
ยาที่ใช้ในการบำบัดรักษาด้วยฝอยละออง
1. Decongestant
2. Bronchodilators
3. Mucolytics
4. Anti - inflammatory drug
5. Anti - microbial agents
Complication |
- preservative ในยาที่ใช้
- ยาละลายเสมหะ และยาต้านจุลชีพ อาจทำให้เกิด bronchospasm ได้
- ยาขยายหลอดลม ในบางราย
- anticholinergic aerosol ถ้าใช้นานๆอาจทำให้เกิด glaucoma ในผู้ป่วยที่มีanterior chamber ตื้นอยู่แล้วได้
- การใช้ยา b-agonists ขนาดสูงๆอาจทำให้มี cardiac arrythmia ได้
- ควรใช้ O2 ในการพ่นยาของหลอดลมในเด็กที่มีอาการหอบมากๆเพื่อป้องกันภาวะ hypoxia เพราะขณะพ่นยา
อาจทำให้เกิด ventilation - perfusion mismatch มากขึ้น
Evaluation |
1. ใช้ยาขยายหลอดลม ในขนาด 0.1 cc/kg/dose ของ ventolin nebuleหรือยาอื่นๆที่ต้องการ ผสมกับ normal saline
ให้มีปริมาตรอย่างน้อย 2.5-3 cc. เทใส่กระเปาะแล้วหมุนให้แน่น (20 คะแนน)
2. ต่อสายออกซิเจนที่ก้นกระเปาะ โดยให้มี flow rate ~ 6-8 L/min โดยไม่ต้องผ่านน้ำในเครื่อง Humidifier
(20 คะแนน)
3. ต่อปลายบนของกระเปาะยากับ aerosal face mask แล้วนำไปครอบที่ปากและจมูกของเด็ก(10 คะแนน)
4. ให้ผู้ป่วยหายใจเข้าออกผ่านทาง mask ปกติ ในท่านั่ง (10 คะแนน)
5. เคาะกระเปาะยาเป็นระยะๆ เพื่อให้น้ำยาที่ติดค้างข้างกระเปาะตกลงมาที่ก้นกระเปาะ(10 คะแนน)
6. พ่นยาต่อจนกระทั่งน้ำยาหมดกระเปาะ หรือไม่เห็นละอองยาเป็นควันสีขาวๆแล้วโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ
10 นาที (10 คะแนน)
7. ในกรณีที่ผู้ป่วยหอบมาก สามารถใช้ยาขยายหลอดลมพ่น ได้ทุก 20 นาทีx 3 ครั้ง เมื่อดีขึ้น ก็ค่อยๆ เลื่อนระยะเวลาออกไป เป็นทุก1, 2, 3, หรือ 4 hrs ตามลำดับ (20 คะแนน)